'ขยะติดเชื้อ' ล้นทะลักชุมชน แตะสูงสุดถึง 789 ตันต่อวัน ภาครัฐวอนแยกมูลฝอยปนเปื้อน กำจัดถูกวิธี-ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
9 มีนาคม 2565
! Font Awesome Pro 6.0.0 by @fontawesome - https://fontawesome.com License - https://fontawesome.com/license (Commercial License) Copyright 2022 Fonticons, Inc.

ภาครัฐ-ท้องถิ่น เร่งบูรณาการความร่วมมือแก้ไขปัญหา "ขยะติดเชื้อล้น" จากสถานการณ์โควิด เฉลี่ยสูงสุดถึง 789 ตันต่อวัน แนะประชาชนแยกมูลฝอยปนเปื้อนทิ้งให้ถูกวิธีตามหลักสุขาภิบาล


เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2565 นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า กรมอนามัยได้ประสานความร่วมมือกับ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และเทศบาลนครนนทบุรี บูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาประเด็น “การบริหารจัดการและแนวปฏิบัติในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19”

นพ.อรรถพล กล่าวว่า สถานการณ์ปริมาณมูลฝอยติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมูลฝอยติดเชื้อที่เกิดขึ้นในชุมชน ทั้งจากศูนย์แยกกักในชุมชน และการแยกกักที่บ้าน เนื่องจากทุกครอบครัวสามารถซื้อชุดตรวจ ATK เพื่อนำมาใช้ตรวจโควิด-19 ด้วยตัวเองได้ จึงก่อให้เกิดมูลฝอยทั่วไปและมูลฝอยติดเชื้อจากครัวเรือนมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณมูลฝอยติดเชื้อเกิดขึ้นสูงสุดในช่วงเดือน เม.ย. 2565 เฉลี่ยประมาณ 789 ตันต่อวัน

ในขณะที่ศักยภาพระบบการกำจัดรวมมูลฝอยติดเชื้อ ในภาพรวมของประเทศสามารถกำจัดได้เพียง 342.3 ตันต่อวันเท่านั้น จึงส่งผลให้เกิดปัญหาการจัดการมูลฝอยติดเชื้อในหลายพื้นที่ ตั้งแต่ปัญหาการสะสมตกค้าง ณ แหล่งกำเนิด กระบวนการเก็บขนที่มีอยู่ไม่เพียงพอ และไม่สามารถให้บริการได้ครอบคลุม  

นพ.อรรถพล กล่าวว่า การบูรณาการความร่วมมือนี้จึงมุ่งที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการที่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ทำให้สามารถจัดหาสถานที่กำจัดเพิ่มเติม จำนวน 11 แห่ง มีศักยภาพการกำจัด 1,189 ตันต่อวัน เมื่อรวมกับระบบกำจัดมูลฝอยติดเชื้อเดิม ทำให้ภาพรวมของประเทศมีศักยภาพของระบบกำจัดมูลฝอยติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 1,532 ตันต่อวัน เพียงพอ และสามารถรองรับปริมาณมูลฝอยติดเชื้อที่เกิดขึ้นของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ในส่วนของการบริหารจัดการมูลฝอยติดเชื้อที่กรมอนามัยจัดทำขึ้น เป็นการบริหารจัดการที่ให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการคัดแยก เก็บขน และกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ โดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องให้ความร่วมมือในการจัดการ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งมีอำนาจและหน้าที่ในการบริหารจัดการมูลฝอยติดเชื้อในพื้นที่รับผิดชอบ

นพ.อรรถพล กล่าวอีกว่า สำหรับมูลฝอยที่เกิดขึ้นในชุมชนจากการแยกกักตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation ให้ทำการคัดแยกขยะ เพื่อเป็นการลดปริมาณมูลฝอยติดเชื้อที่ต้องกำจัด โดยคัดแยกเป็น 2 ส่วน คือ 1. มูลฝอยที่ไม่ได้ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย หรือ สารคัดหลั่ง เช่น เอกสารกำกับชุดตรวจ และกล่องบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ขยะประเภทนี้ให้เก็บรวบรวมทิ้งถังขยะทั่วไปที่มีฝาปิดมิดชิด

2. มูลฝอยที่ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย หรือสารคัดหลั่ง เช่น หน้ากากอนามัย กระดาษทิชชู ภาชนะใส่อาหารพร้อมบริโภค (แบบใช้ครั้งเดียว) และชุดตรวจ ATK (ตลับหรือแผ่นทดสอบ หลอดใส่น้ำยา ฝาหลอดหยด ไม้ Swap) เป็นต้น ถือเป็นมูลฝอยที่มีความเสี่ยงสูง ให้แยกจัดการเป็นมูลฝอยติดเชื้อ เพราะมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อโรคได้

ในส่วนของแนวทางการจัดการมูลฝอยติดเชื้อเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค แบ่งออกเป็น 2 กรณี ได้แก่ 1. กรณีในพื้นที่หรือชุมชน มีระบบการเก็บขนมูลฝอยติดเชื้อ ให้เก็บรวบรวมแล้วเคลื่อนย้ายไปไว้ยังจุดพักขยะที่จัดไว้เฉพาะ ก่อนนำมูลฝอยติดเชื้อไปกำจัดอย่างถูกต้อง 2. กรณีในพื้นที่ที่ระบบการเก็บขนมูลฝอยติดเชื้อไม่สามารถเข้าถึงได้ ให้มีการทำลายเชื้อก่อนนำไปกำจัดเป็นมูลฝอยทั่วไป จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่อประชาชนทั่วไป รวมถึงเกิดความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงานเก็บขนและกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ