
เตือนคนไทยลดการใช้จอเลี้ยงลูก กระทบพัฒนาการเด็กหลายด้าน ชี้พ่อ-แม่ควรเล่นกับลูกให้มากขึ้น สธ.ดันพื้นที่ต้นแบบ 'เล่นเปลี่ยนโลก'21 มีนาคม 2565
กรมอนามัย เผยผลสำรวจการเล่นของเด็กไทย ชี้พ่อแม่ไทยควรเล่นกับลูกให้มากขึ้น ลดการใช้จอ-อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เลี้ยงลูก ชี้ พ่อแม่ไทยควรเล่นกับลูกให้มากขึ้น ลดการใช้จอเลี้ยงลูกลง พร้อมประสานภาคี เด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยผลการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย ครั้งที่ 6 (Multiple Indicator Cluster Survey 6: MICS6) ในประเด็นการเล่นเด็กปฐมวัยร่วมกับพ่อแม่ ซึ่งเป็นการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูล โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกับ องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ประเทศไทย สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) และกรมอนามัย
นพ.ทักษพล ธรรมรังสี ผู้อำนวยการ IHPP เปิดเผยว่า การสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย หรือ MICS เป็นการสำรวจระดับโลก ซึ่งครั้งนี้ได้จัดทำต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6 โดยเก็บข้อมูลใน 17 จังหวัด จาก 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ มีกลุ่มตัวอย่าง 8,856 คน พบว่าเด็กปฐมวัย (อายุต่ำกว่า 6 ปี) ได้เล่นกับพ่อแม่หรือผู้ปกครอง 90.3% ซึ่งถือเป็นอันดับที่ 11 จาก 84 ประเทศที่มีรายได้ต่ำหรือปานกลาง
ในส่วนของการเล่นที่พบมากที่สุด คือ การเล่นกับเด็ก 98% การพาเด็กไปเดินเล่นนอกบ้าน 97% การหัดเรียกชื่อ นับเลขหรือวาดรูป 95% ส่วนการเล่นที่พบน้อยที่สุด คือ การเล่านิทาน 84% การร้องเพลง 80% การอ่านหนังสือหรือดูสมุดภาพ 78% อย่างไรก็ตามกลับพบว่า 64% ของเด็กปฐมวัยไทย มีการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ด้วยระยะเวลาการใช้จอที่มากกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลต่อการเล่นของเด็กปฐมวัยที่ลดลงถึง 50%
ขณะเดียวกันผลการวิเคราะห์ข้อมูลยังพบว่า การมีหนังสือสำหรับเด็กในครอบครัวอย่างน้อย 3 เล่ม จะส่งผลต่อการเล่นของเด็กปฐมวัยที่มากขึ้นถึง 3 เท่า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เช่นเดียวกับการมีของเล่นในบ้าน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นของเล่นที่ต้องซื้อมา แต่อาจจะเป็นการประดิษฐ์เองจากของใช้ในบ้าน ล้วนส่งผลต่อการเล่นของเด็กปฐมวัยที่มากขึ้นถึง 1.5 เท่า
นพ.อุดม อัศวุตมางกุร ผู้อำนวยการกองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กล่าวว่า จากผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่า พ่อแม่ควรเล่นกับลูกให้มากขึ้น และลดการใช้หน้าจอลง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อพัฒนาการในหลายด้าน โดยกรมอนามัยพร้อมประสานกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และภาคีเครือข่าย ส่งเสริมการเล่นผ่านโครงการเด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก ด้วยการเติมเต็มการเรียนรู้ ผ่านการเล่นตามแนวคิด 3F ได้แก่ Family Free และ Fun
นอกจากนี้จะพัฒนาพื้นที่ต้นแบบเด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก ครอบคลุมทุกตำบล เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสได้พัฒนาตนเองผ่านการเล่น โดยการดำเนินงานในพื้นที่จากความร่วมมือกันระหว่างบ้าน ครอบครัว สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย หน่วยบริการสาธารณสุขสุข และชุมชน พร้อมกันนี้โครงการยังมีการพัฒนาผู้อำนวยการเล่น ผ่านหลักสูตรออนไลน์ www.mooc.anamai.moph.go.th ซึ่งปัจจุบันมีผลการดำเนินงานผู้อำนวยการเล่น จำนวน 9,823 คน
ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผลงานวิจัยในระดับสากลชี้ชัดว่าการเล่นในเด็กปฐมวัย เช่น การเล่นกับพ่อแม่ พี่น้อง ธรรมชาติ ต้นไม้ สัตว์ ดิน ทราย น้ำ ระบายสี ปั้นดินน้ำมัน ต่อบล็อกไม้ ฉีก-ตัด-ปะกระดาษ วิ่งเล่นในสนาม ปีนป่าย เล่นบทบาทสมมติ เล่นดนตรี ทำงานบ้าน และการอ่านหนังสือ มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการกระตุ้นสมองให้เปิดรับการเรียนรู้ ผ่านความรู้สึกสนุก
ขณะเดียวกันยังก่อให้เกิดวงจรการเรียนรู้ และพัฒนาการรอบด้าน ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม จิตใจ สติปัญญา และช่วยเสริมทักษะการคิดเชิงบริหาร EF (Executive Function) ในการจัดการความคิด ความรู้สึก และการกระทำ การยืดหยุ่นทางความคิด การวางแผน ตั้งเป้าหมาย แก้ไขปัญหา เตรียมพร้อมก้าวเข้าสู่วัยเรียน วัยรุ่น และวัยทำงาน เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ พร้อมรับมือกับผลกระทบจากโรคโควิด-19 รวมถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และปัญญาประดิษฐ์ที่เข้ามามีบทบาทแทนมนุษย์