ภาครัฐผนึกกำลังอินฟลูเอนเซอร์ ผุดทีมพิเศษ 'Hope Task Force' ค้นหาสัญญาณ 'การฆ่าตัวตาย' หยุดยั้งความเสี่ยงบนโลกออนไลน์
4 เมษายน 2565
! Font Awesome Pro 6.0.0 by @fontawesome - https://fontawesome.com License - https://fontawesome.com/license (Commercial License) Copyright 2022 Fonticons, Inc.

กรมสุขภาพจิต-ตร.สอบสวนกลาง ผนึกกำลังเหล่า Social Influencer ขยายผลกลไกการพัฒนาทีมปฏิบัติการพิเศษป้องกันการฆ่าตัวตาย "Hope Task Force" บูรณาการเชิงรุกช่วยเหลือบุคคลที่ส่งสัญญาณความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายในโลกออนไลน์


เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2565 กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อประสานความร่วมมือเพิ่มศักยภาพทีมปฏิบัติการพิเศษป้องกันการฆ่าตัวตาย Hope Task Force พร้อมด้วยเหล่า Social Influencer ชื่อดัง เพื่อป้องกันผลกระทบปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 และแนวโน้มการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจนสะสมและพัฒนาเป็นปัญหาสุขภาพจิตนำไปสู่การตัดสินใจฆ่าตัวตาย


พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า การจัดตั้ง HOPE Task Force เป็นการรวมจุดแข็งของทั้ง 3 ภาคส่วนมารวมไว้ในที่เดียวกัน ประกอบด้วย กรมสุขภาพจิต มีศักยภาพในการเยียวยารักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตของประชาชน และบำบัดฟื้นฟูในระยะยาวเพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข

ขณะที่กองบังคับการปราบปราม มีศักยภาพในการสืบสวนและประสานงานในการเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วทั่วประเทศ ส่วนในด้าน Social Influencer มีความสามารถในการเข้าถึงสัญญาณเตือนที่ถูกส่งมาจากพี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

"เมื่อนำความเข้มแข็งของทั้งสามส่วนมารวมเข้าไว้ด้วยกัน การช่วยเหลือก็จะสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจากที่การดำเนินงานของ HOPE Task Force ในระยะแรก ได้พิสูจน์โมเดลความร่วมมือนี้แล้วว่าสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมหาศาล ระยะต่อจากนี้จะขยายความช่วยเหลือไปยังภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพจิตอื่นๆ ต่อไป" พล.ต.ท.จิรภพ กล่าว

ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในปัจจุบันประชากรทั่วโลกได้เห็นความสำคัญของปัญหาทางสุขภาพจิต และการลงทุนเพื่อการป้องกันและบำบัดรักษาผู้ที่เจ็บป่วยทางจิตใจ โดยผลกระทบที่สำคัญคือการฆ่าตัวตาย ที่ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งข้อมูลจากศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายระดับชาติ ณ วันที่ 1 ก.พ. 2565  พบว่าปี 2564 มีอัตราการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย จำนวน 4,810 คน หรือคิดเป็นอัตรา 7.35 ต่อประชากรแสนคน



อย่างไรก็ตาม จากการสรุปผลการทำงานระยะแรกของ HOPE Task Force ในระหว่างเดือน ต.ค. 2563 – ก.พ. 2565 พบว่า กระบวนการดำเนินงานดังกล่าวได้ช่วยเหลือชีวิตคนที่มีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย จำนวนรวม 308 ราย โดยประเด็นปัญหาที่พบในการฆ่าตัวตายได้แก่ สัมพันธภาพในครอบครัว ความรัก เศรษฐกิจการเงิน การเจ็บป่วย การพนัน การปรับตัว การรับประทานยาจิตเวชไม่ต่อเนื่อง สัมพันธภาพกับเพื่อน การเรียนการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เป็นต้น

นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ มีกลุ่มผู้มีประวัติการเจ็บป่วยทางสุขภาพจิต จำนวน 66 ราย ซึ่งคุณค่าจากการช่วยชีวิตประชาชน ถือว่าเป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอย่างมหาศาลจากการรักษาทรัพยากรที่สำคัญที่สุดหรือทรัพยากรมนุษย์ให้ยังคงอยู่ในสังคมต่อไป

"กรมสุขภาพจิต กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ Social Influencer มุ่งหวังว่าการพัฒนาความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมไทย โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาให้ HOPE Task Force เป็นระบบการช่วยชีวิตที่รวดเร็วกว่าเดิม บุคคลที่ส่งสัญญาณความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายในโลกออนไลน์ได้รับความช่วยเหลือทางด้านสุขภาพจิตอย่างฉับไวมากขึ้น มีความครอบคลุมในวงกว้างมากขึ้น และมีการติดตามดูแลรักษาและบำบัดเยียวยาในระยะยาวเพื่อลดอัตราการฆ่าตัวตายซ้ำในอนาคตอย่างยั่งยืนต่อไป" พญ.อัมพร ระบุ