
สธ.ชูจุดแข็งสมุนไพร-เครื่องเทศ เดินหน้าสร้าง ‘อาหารไทยเป็นยา' ดันผู้ประกอบการเรียนรู้-ปรับใช้ สร้างเมนูอร่อย มีคุณค่า-สรรพคุณ8 กรกฎาคม 2565
กรมแพทย์แผนไทยฯ ชูจุดแข็งสมุนไพรไทยพร้อมนำเทคโนโลยีมาช่วยโปรโมท "อาหารไทย อาหารเป็นยา" ผ่านแอปพลิเคชันให้คนไทยได้เรียนรู้การใช้ประโยชน์จากสมุนไพรไทยในรูปแบบของอาหาร พร้อมผลักดันผู้ประกอบการปรุงเมนูผ่านชุดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกรมฯ ได้คัดเลือกอาหารจากเมนูท้องถิ่นที่เป็นประโยชน์ โดยมีหลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกโครงการอาหารไทย อาหารเป็นยา เช่น จ.จันทบุรี โครงการสุขภาพดีด้วยสมุนไพร ต่อยอดด้วยเรื่องอาหารที่มีการนำสมุนไพรเครื่องเทศผสมในอาหาร ซึ่งกำลังดำเนินการเสนอองค์การยูเนสโกพิจารณาให้เป็นเมืองวัฒนธรรมทางด้านอาหารเหมือนกับ จ.เพชรบุรี
นอกจากนี้ ทางกรมฯ ยังรับสมัครพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศเข้ามาร่วมในโครงการอาหารไทย อาหารเป็นยา เริ่มต้นระยะแรกใช้เมืองสมุนไพรซึ่งมีอยู่ 14 จังหวัด ปรากฎว่ามีจังหวัดสมัครเพิ่มเติมเป็น 18 จังหวัด และคาดว่าจะขยายต่อไปทั้ง 76 จังหวัด
นพ.ขวัญชัย กล่าวว่า ทางองค์การยูเนสโกกำหนดโครงการเพื่อให้เมืองต่างๆ ได้มีการพัฒนาและการนำเสนอตัวภูมิปัญญา หรือองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องวัฒนธรรมทางด้านอาหาร ซึ่งในประเทศไทย เรื่องอาหารไทยเป็นอาหารที่ได้รับความยอมรับจากนานาชาติ มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยจะถามหาเมนูอาหารต่างๆ ซึ่งเป็นที่นิยมชมชอบ และยอมรับเพราะว่ารสชาติอร่อย มีคุณค่าและประโยชน์ทางด้านโภชนาการ และราคาถูก
ทั้งนี้ จากความนิยมจึงนำเอาสมุนไพรและเครื่องเทศเข้าไปเพิ่มคุณค่าหรือเพิ่มมูลค่าของตัวอาหารที่มีความนิยม โดยหลักการพิจารณามาจากเรื่องอาหารปลอดภัยของกรมอนามัย Clean Food Good Taste จะเน้นเกณฑ์ความสะอาดของสถานที่ ภาชนะอุปกรณ์ บุคลากร และจะนำเรื่องสมุนไพร เครื่องเทศ เข้าไปต่อยอด
สำหรับร้านอาหารที่ได้มาตรฐานขั้นต้น ต้องยึดเรื่องความสะอาด ความปลอดภัยของอาหารเป็นเกณฑ์มาตรฐานเบื้องต้น และต่อเนื่องด้วยการพัฒนาเมนูอาหารที่มีสมุนไพร เครื่องเทศ ในเรื่องของอาหารไทย อาหารเป็นยา เน้นที่ผู้ประกอบหรือผู้ปรุงอาหารมีความรู้สามารถระบุได้ว่าสมุนไพรที่นำไปผสมในเมนูมีสรรพคุณทางยาด้านใด
ขณะเดียวกันทางกรมฯ จะมีข้อแนะนำให้ผู้ประกอบการมีความรู้เกี่ยวกับการนำสมุนไพร เครื่องเทศ มาใช้ให้เกิดสรรพคุณหรือประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ พร้อมกับจัดทำชุดการเรียนรู้ด้วยตัวเองให้กับบรรดาเชฟหรือผู้ประกอบการ เป็นสื่อความรู้ความเข้าใจ
นพ.ขวัญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันสมุนไพรรวมทั้งกัญชา กัญชง หากนำมาประกอบอาหาร เครื่องดื่ม สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพเพาะปลูกสมุนไพรเครื่องเทศต่างๆ มีแหล่งไปส่งขายกับผู้ประกอบการร้านอาหาร รวมถึงการสร้างเรื่องราวให้น่าสนใจ เป็นการเพิ่มมูลค่าของอาหารแต่ละจานให้เป็นที่น่าจดจำทั้งรสชาติและความเป็นมา อย่างไรก็ตามไม่ว่าผู้ประกอบการจะนำสมุนไพรมาปรับใช้กับอาหาร หรือเครื่องดื่ม นอกจากประโยชน์กับร่างกายแล้ว ยังต้องคงรสชาติอาหารที่กลมกล่อมอร่อยถูกปาก
"ขณะนี้กรมฯ กำลังนำสื่อออนไลน์เข้าไปเสริมเพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ มาช่วยเผยแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ด้วย พร้อมดำเนินการระบบโมบายแอปพลิเคชัน AI นำมาใช้กับเรื่องของอาหาร โดยจะประมวลข้อมูลเบื้องต้นจากแบบสำรวจ เพื่อการวินิจฉัยและระบบส่งข้อมูลของร้านอาหารที่ขึ้นทะเบียนกับกรมฯ ให้เลือกเมนูที่ตามแอปพลิเคชันแนะนำ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสำเร็จประมาณปี 2566" นพ.ขวัญชัย กล่าว
อนึ่ง ประชาชนที่สนใจสามารถร่วมงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯ ครั้งที่ 19 ระหว่างวันที่ 6-10 ก.ค. 2565 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองานี ฮอล์ 11-12 พร้อมพบกับกิจกรรมต่างๆ อาทิ โซนจัดแสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่มีมาตรฐาน การแจกต้นพันธุ์สมุนไพรหายาก ตลาดนัดความรู้ เป็นต้น สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โทร. 0-2149-5649, Facebook Fanpage มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ หรือเว็บไซต์ https://natherbexpo.dtam.moph.go.th