เลขาธิการ คสช. เผย 3 ประเด็นสมัชชาสุขภาพฯ ที่เตรียมพัฒนาร่วมกัน “ฐานข้อมูลออกกำลังกาย-เศรษฐกิจครัวเรือน-บำนาญถ้วนหน้า” ย้ำยังเปิดกว้างรับฟังประเด็นเพิ่มเติม แย้มอาจมี “ท่องเที่ยวชุมชน” ถูกพัฒนาเข้าสู่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติปลายปี

นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 4/2565 เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2565 ถึงประเด็นความคืบหน้าการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 15-16 ของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ระบุว่า ในเบื้องต้นได้มีการประกาศ 3 ประเด็นสมัชชาฯ ที่จะพัฒนาร่วมกัน

ทั้งนี้ ประกอบด้วย 1. การขับเคลื่อนแพลตฟอร์มเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลสถิติการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาของประชาชน ภายใต้แนวคิดโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) 2. การขจัดความยากจนตามโมเดล BCG: การยกระดับเศรษฐกิจของครัวเรือน 3. หลักประกันรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า หรือบำนาญถ้วนหน้า

นพ.ประทีป กล่าวว่า เมื่อมีการตั้งประเด็นแล้ว ก็จะมีกระบวนการทางวิชาการที่ดำเนินการต่อมา คือการเปิดเวทีรับฟังความเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงจัดให้มีเวทีสมัชชาเฉพาะประเด็นเพื่อรวบรวมความเห็นด้วย เพื่อให้ท้ายที่สุดจะเกิดการมีส่วนร่วม มีประเด็นที่คมชัด มีเครือข่ายความเป็นเจ้าของประเด็น และนำไปสู่พันธสัญญาในการขับเคลื่อนได้จริง ก่อนนำไปสู่เวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติในช่วงปลายปีนี้

“เราจะมีกระบวนการมีส่วนร่วมที่เปิดกว้างและหลากหลาย พร้อมรับฟังทุกความเห็นของภาคีเครือข่าย ก่อนที่จะสรุปประเด็นเข้าไปสู่เวทีสมัชชาสุขภาพ และอาจจะมีประเด็นอื่นๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมาอีก เช่น เรื่องการท่องเที่ยวชุมชน ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ก็น่าสนใจว่าจะพัฒนาเป็นระเบียบวาระสำหรับเวทีสมัชชาสุขภาพฯ ครั้งที่ 15 นี้ได้เลยหรือไม่ หรืออาจจะเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาร่วมกันในเวทีสมัชชาสุขภาพฯ ครั้งที่ 16 ต่อไป” นพ.ประทีป กล่าว

นพ.ประทีป กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางหลักของการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 15-16 ประจำปี 2565 และ 2566 คือ “ความเป็นธรรมด้านสุขภาพ โอกาสและความหวังอนาคตประเทศไทย” ซึ่งเนื้อหาจะมุ่งไปสู่การสร้างความเป็นธรรม ความเท่าเทียม โดยใช้เรื่องของสุขภาพเป็นแกนหลักในโอกาสของการพลิกฟื้นประเทศไทย จากการมีบทบาทการมีส่วนร่วมของประชาชน 

อย่างไรก็ตาม ประเด็นหนึ่งที่จะมีการเน้นหนักอย่างจริงจัง คือการยกระดับเรื่องของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไปอีกขั้น สู่การมีหลักประกันรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า หรือบำนาญถ้วนหน้า ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่กลุ่มคนสูงวัยเท่านั้น แต่จะเกี่ยวข้องกับคนทุกวัยในอนาคต ตั้งแต่กระบวนการการมีส่วนร่วมจะหาความพร้อมในการเก็บออม การจัดเก็บภาษีที่อาจเพิ่มขึ้น เพื่อก้าวเข้าสู่อนาคตที่คนไทยทุกคนจะมีบำนาญถ้วนหน้า ร่วมกันได้อย่างไร

“จุดเปลี่ยนของการจัดสมัชชาสุขภาพฯ ครั้งนี้ที่แตกต่างจากครั้งที่ผ่านๆ มา คือจะเน้นให้มีกระบวนการการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ไม่จำกัดการมีส่วนร่วมอยู่ในวันงานสมัชชาฯ เท่านั้น อีกทั้งจะดึงเอาหน่วยงานราชการ ภาคส่วนที่เป็นกำลังสำคัญเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น พร้อมกับให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือคนรุ่นต่อไปที่เป็นอนาคตของประเทศ เข้ามามีส่วนร่วนการพัฒนานโยบายเพื่อนาคตของตัวพวกเขาเอง” นพ.ประทีป กล่าว