รมว.ยุติธรรม เผย ป.ป.ส.-มหาวิทยาลัย ร่วมมือวิจัย "เห็ดขี้ควาย" สกัดทำยารักษาโรคซึมเศร้า หลังบริษัทยายักษ์ใหญ่ยุโรป-อเมริกาจดสิทธิบัตรทดลองผู้ป่วย ย้ำเตือนวัยรุ่นอย่าหามาเสพเพราะผิดกฎหมาย-มีอันตรายถึงชีวิต

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม (ยธ.) เปิดเผยว่า หลังจากการปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ซึ่งทำให้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ประชาชนหันมาปลูกและมีการซื้อขายกันเป็นจำนวนมาก พืชอีกตัวหนึ่งซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กำลังศึกษาและทำการวิจัยถึงประโยชน์ คือ เห็ดขี้ควาย หรือเห็ดวิเศษ

สำหรับเห็ดขี้ควาย หรือเห็ดวิเศษ ปัจจุบันถูกกำหนดให้เป็นยาเสพติดประเภท 5 โดยมีงานวิจัยหลายชิ้นที่พูดถึงการทดลองเห็ดขี้ควาย ซึ่งมีสารสกัดสำคัญต่อต้านอาการซึมเศร้า ที่เรียกว่า ไซโลไซบิน (Psilocybin) และยังพบว่าสามารถช่วยรักษาอาการติดเหล้าและบุหรี่ได้อีกด้วย โดยที่ผ่านมามีบริษัทยายักษ์ใหญ่ทั้งทางฝั่งอเมริกา และยุโรป จดสิทธิบัตรกับองค์กรการแพทย์ เพื่อทำการทดลองการใช้เห็ดขี้ควายสกัดเป็นยาในการรักษา

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากตำราหมอไทยโบราณมีการใช้เห็ดขี้ควายเป็นยาทำให้ง่วงแก้โรคนอนไม่หลับ แต่ถ้าใครกินหรือสูบเข้าไปจำนวนมากจะทำให้มีอาการมึนเมา ประสาทหลอน และการเต้นของหัวใจผิดปกติ ซึ่งขณะนี้ ทาง ป.ป.ส. ได้จัดทำ พ.ร.ฎ.กำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกเห็ดขี้ควาย ตามโครงการศึกษาและวิจัยทดลองเพื่อต่อยอดไปสู่การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ร่วมมือทำการวิจัยศึกษาและทดลองการสกัดสารจากเห็ดขี้ควาย ซึ่งทาง ป.ป.ส.จะขยายขอบเขตการวิจัยไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้ครบทั้ง 4 ภาค เพื่อศึกษารายละเอียดต่างๆอย่างถี่ถ้วน

"ในต่างประเทศมีการวิจัยเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ซึ่งเห็ดขี้ควายในบ้านเราก็มีขึ้นอยู่จำนวนมากในทุกภาคของไทย ดังนั้นนี่คือโอกาสที่เราจะสามารถวิจัยเพื่อผลิตยารักษาโรคผู้ป่วยทางจิตเวชได้ หากประสบผลสำเร็จก็อาจจะเป็นการสร้างอาชีพใหม่อีกอาชีพหนึ่ง" นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากรายงานของ ป.ป.ส. พบว่ามีการซื้อขายกันในราคาประมาณ 500 บาทต่อกิโลกรัมสำหรับเห็ดสด และ 5,000 บาทสำหรับเห็ดแห้ง โดยมีวัยรุ่นหลายกลุ่มนำมาเสพ ซึ่งก็ต้องขอเตือนว่าเห็ดขี้ควายยังเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผู้ขายมีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-1,500,000 บาท ถ้าเป็นผู้เสพ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเสพมากเกินไปมีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้