ลุยพบ ส.ส. 'กลุ่มประเทศ EFTA' ภาคประชาสังคมไทยร้องข้อกังวล ย้ำการเจรจาความตกลงการค้า FTA ห้ามทำลายสาธารณสุข-เกษตรไทย
13 กันยายน 2565
! Font Awesome Pro 6.0.0 by @fontawesome - https://fontawesome.com License - https://fontawesome.com/license (Commercial License) Copyright 2022 Fonticons, Inc.

เครือข่ายภาคประชาสังคม เข้าพบ ..กลุ่มประเทศ EFTA แสดงข้อห่วงกังวลจากการเจรจา FTA ที่จะมีต่อการเข้าถึงยา-การสาธารณสุข-ความหลากหลายทางชีวภาพ-เกษตรกรรายย่อยในไทย


กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) พร้อมด้วยองค์กรภาคีและตัวแทนสหภาพแรงงาน ได้ประชุมร่วมกับ ..กลุ่มประเทศ EFTA (สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์) เมื่อวันที่ 8 .. 2565 ระหว่างเดินทางมาเยือนไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยและกลุ่มประเทศ EFTA ที่กำลังจะเริ่มขึ้น


ทั้งนี้ ภาคประชาสังคมไทยได้นำเสนอข้อห่วงกังวลต่อผลกระทบทางลบจาก FTA ที่จะมีต่อการเข้าถึงยา การสาธารณสุข ความหลากหลายทางชีวภาพ และเกษตรกรรายย่อยในประเทศไทย โดยตัวแทน ..กลุ่มประเทศ EFTA เน้นย้ำว่าการเจรจาครั้งนี้ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน การพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน


ขณะที่ ..จากลิกเตนสไตน์ ระบุด้วยว่า ได้ย้ำกับรัฐบาลไปแล้วว่าต้องใส่ใจกับข้อห่วงกังวลของภาคประชาสังคมไทย เรื่องการคุ้มครองพันธุ์พืช ซึ่งภาคประชาสังคมและภาควิชาการไทยย้ำมาโดยตลอดว่า จะไม่เข้าร่วมอนุสัญญาคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ หรือ UPOV 1991


ในส่วนของจดหมายที่ FTA Watch และเครือข่ายได้ยื่นต่อ ..กลุ่มประเทศ EFTA มีเนื้อความสรุปได้ดังต่อไปนี้


ในวาระที่ คณะกรรมการที่ประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกลุ่มประเทศ EFTA ได้มาเยือนประเทศไทย พวกเราภาคประชาสังคมที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการเข้าถึงยา การสาธารณสุข ความหลากหลายทางชีวภาพ อธิปไตยทางอาหาร และการคุ้มครองผู้บริโภค ขอแสดงความกังวลต่อการเจรจาการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ที่โดยที่หลายหัวข้อจะส่งผลกระทบทางลบอย่างรุนแรงต่อการสาธารณสุข ภาคเกษตรกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชนไทย


แม้ว่า ตั้งแต่ปี 2001 สมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ได้ยอมรับปฏิญญาโดฮาว่าด้วยความตกลงทริปส์และการสาธารณสุขที่ให้ประเทศสมาชิกมีสิทธิในการปกป้องการสาธารณสุขโดยเฉพาะสร้างการเข้าถึงยาให้แก่ทุกคน แต่ที่ผ่านมา การเจรจาอฟทีเอทั้งกับสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ล้วนมีการยื่นข้อเรียกร้องในข้อบททรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ การลงทุน ที่จะทำลายกฎหมายภายในประเทศ ทำให้ยาราคาแพง ทำลายศักยภาพในการผลิตยาของประเทศ


จากงานวิจัยผลกระทบต่อการเข้าถึงยาจากข้อเรียกร้องจาก FTA ไทย-สหรัฐฯ และ CPTPP ชี้ว่า ค่ายารักษาโรคของประเทศจะแพงมากกว่าแสนล้านบาทต่อปีจากข้อเรียกร้องที่เกินไปกว่าที่ WTO กำหนดอยู่ และประเทศไทยต้องพึ่งพายานำเข้าเพิ่มจาก 71% เป็น 89% จากข้อบทการเชื่อมโยงการขึ้นสิทธิบัตรและการขึ้นทะเบียนยา และการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 




ยิ่งไปกว่านั้น ข้อบทด้านการลงทุนจะจำกัดสิทธิของไทยในการออกนโยบายใช้กฎหมายเพื่อดูแลคุ้มครองประชาชน การออกกฎระเบียบควบคุมการบริโภคยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปกป้องสิ่งแวดล้อม รวมทั้งจำกัดการใช้กลไกยืดหยุ่นในความตกลงของ WTO เพื่อเพิ่มการเข้าถึงยาที่ติดสิทธิบัตร


ประเทศไทยมีระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับประเทศกำลังพัฒนาในการดูแลประชาชนให้ได้รับการดูแลรักษาที่ดีมีคุณภาพโดยไม่ล่มจม แต่ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้จะตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะไม่สามารถดูแลประชาชนได้อย่างมีคุณภาพ หากถูกบังคับให้ซื้อยาในราคาแพงมากและขาดซึ่งการบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ


อีกประการหนึ่ง ในข้อเรียกร้องจาก FTA ต่างๆ ที่ให้ไทยต้องเข้าร่วมอนุสัญญาคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV1991) ทั้งที่ไทยมีกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืชที่เป็นไปตาม WTO แล้ว หากไทยถูกบังคับให้เข้าร่วม UPOV1991 จะทำให้ประเทศไทยต้องแก้ไขกฎหมายภายใน โดยต้องขยายสิทธิผูกขาดให้แก่บรรษัทเมล็ดพันธุ์ขนาดใหญ่ และลดทอนสิทธิของเกษตรกรดังนี้


- ขยายระยะเวลาการผูกขาดจากที่กำหนดไว้ส่วนใหญ่จาก 15 ปี เป็น 20 ปี

- ส่งผลกระทบต่อกลไกการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพ

- การเก็บรักษาพันธุ์พืชเพื่อปลูกต่อ การคัดเลือกพันธุ์ในแปลงปลูก และแลกเปลี่ยนระหว่างเกษตรกร ซึเป็นวิถีชีวิต และฐานรากของการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและความมั่นคงทางอาหารของประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง

- จากการศึกษาพบว่าการเข้าร่วม UPOV1991 ทำให้ราคาเมล็ดพันธุ์ที่เกษตรกรต้องจ่ายในระยะยาวแพงขึ้น 3-4 เท่า


ดังนั้นจากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ภาคประชาสังคมไทยขอคัดค้านข้อเรียกร้องต่างๆในการเจรจาเอฟทีเอที่จะส่งผลกระทบทางลบต่อการเข้าถึงยา การสาธารณสุข และภาคเกษตรกรรม ดังต่อไปนี้


- Data Exclusivity การผูกขาดข้อมูลทางยาที่จะขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐขึ้นทะเบียนยา โดยอ้างอิงข้อมูลการทดลองทางคลินิกแม้ว่ายานั้นจะหมดสิทธิบัตรแล้วก็ตาม และจะยิ่งเป็นความซับซ้อนทางกฎหมายหากต้องประกาศบังคับใช้สิทธิหรือประกาศซีแอลจนไม่สามารถทำได้

- Patent Term Extension การขยายอายุสิทธิบัตรมากกว่า 20 ปีตามที่กฎหมายไทยและ WTO กำหนด

- Increase Patent Scope ขยายขอบเขตสิ่งที่จดสิทธิบัตรได้ไปยังรูปแบบสารเคมีใหม่ รูปแบบการใช้ใหม่ของยาเก่า ทั้งที่เป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยไม่มีนัยยะสำคัญ แต่สามารถได้สิทธิผูกขาดไปมากกว่า 20 ปี

- Patent Linkage การเชื่อมโยงการขึ้นสิทธิบัตรและการขึ้นทะเบียนยาที่ขัดขวางการขึ้นทะเบียนยาชื่อสามัญของยาที่ติดสิทธิบัตร ทำให้ขัดขวางการวิจัยและพัฒนาช่วงเริ่มต้นของยาชื่อสามัญ รวมทั้งยาที่จะถูกประกาศซีแอล หรือยาที่หมดอายุสิทธิบัตร หรือถูกเพิกถอนสิทธิบัตรแล้วก็ตาม

- Restrictions on Compulsory Licenses จำกัดการประกาศบังคับสิทธิเหนือสิทธิบัตร ทั้งที่เป็นมาตรการที่ได้รับการรับรองระดับนานาชาติเพื่อการเข้าถึงยา 

- Restrictions on Parallel Imports ขัดขวางการนำเข้ายาติดสิทธิบัตรที่มีราคาถูกกว่าจากทั่วโลก

- Investment Rules ข้อบทว่าด้วยการลงทุน ที่มีกลไกให้นักลงทุนต่างชาติฟ้องรัฐภาคี เช่น ประเทศไทย ผ่านกลไกอนุญาโตตุลาการ หากออกนโยบายสาธารณะด้านสาธารณสุข เช่น การประกาศซีแอล มาตรการลดราคายา นโยบายคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ปกป้องสุขภาพประชาชน เพื่อไม่ให้ออกนโยบายเหล่านี้

- Border Measures มาตรการชายแดนที่จะให้อำนาจเจ้าหน้าที่ศุลกากรในการยึดจับยาชื่อสามัญไม่ให้นำเข้า ส่งผ่าน หรือส่งออกยาชื่อสามัญ

- Injuctiions คำสั่งศาลห้ามกระทำการ ซึ่งจะแทรกแซงความอิสระของระบบศาลและการยุติธรรมในการปกป้องสิทธิทางสุขภาพประชาชนเหนือผลประโยชน์ของบรรษัทข้ามชาติและในชาติ

- Other IP Enforcement Measures กลไกการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ผู้ให้การรักษาพยาบาล และผู้ประกอบการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตจำหน่ายและใช้ยาชื่อสามัญตกอยู่ในความเสี่ยงถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

- UPOV1991 ที่บังคับให้ประเทศไทยต้องแก้ไขกฎหมายภายใน โดยต้องขยายสิทธิผูกขาดให้แก่บรรษัทเมล็ดพันธุ์ขนาดใหญ่ ลดทอนสิทธิของเกษตรกรรายย่อยในการดำรงวิถีชีวิตและอธิปไตยทางอาหาร


"ดังนั้น พวกเราเรียกร้องประเทศสมาชิก EFTA ต้องไม่ยื่นข้อเรียกร้องเหล่านี้ที่ส่งผลกระทบทางลบอย่างรุนแรงต่อการสาธารณสุข ภาคเกษตรกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชนไทยในการเจรจาเอฟทีเอกับไทย" ตอนท้ายในจดหมายของ FTA Watch และเครือข่าย ระบุ


อนึ่ง องค์กรที่ร่วมลงนาม ประกอบด้วย มูลนิธิเข้าถึงเอดส์, มูลนธิชีววิถี (BIOTHAI), เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก ประเทศไทย, กลุ่มศึกษาปัญหายา, ศูนย์วิชาการการพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา, มูลนิธิบูรณะนิเวศ, มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, กรีนพีช ประเทศไทย, เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย, ชมรมเภสัชชนบท, มูลนิธิสุขภาพไทย, กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch)