สธ.-คมนาคม ร่วมปิด "ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ" หลังดำเนินการรวม 477 วัน ฉีดให้ประชาชนไปแล้ว 3.3 ล้านคน เหตุโควิด-19 ลดระดับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นประธานร่วมในพิธีปิดศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานในสังกัด องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน บุคลากรทางการแพทย์และจิตอาสาเข้าร่วมพิธี เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2565 ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กรุงเทพมหานคร

สำหรับศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เปิดให้บริการวันแรกเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2564 จนถึงปัจจุบันให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนรวมทั้งสิ้น 477 วัน รวม 6.5 ล้านโดส และมีจำนวนประชาชนที่เข้ามาฉีดวัคซีน 3.3 ล้านคน ซึ่งเป็นศูนย์เดียวของไทยและมีขนาดใหญ่มากที่สุดเมื่อเทียบกับศูนย์อื่นๆ ทั่วโลก เนื่องจากไม่ได้เปิดต่อเนื่องเหมือนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างทั่วถึง สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับคนไทย

ทั้งนี้ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ มีกำหนดปิดศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อในวันที่ 30 ก.ย. 2565 เพื่อสอดคล้องกับที่กระทรวงสาธารณสุข มีแผนการประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เปลี่ยนจากโรคติดต่ออันตรายมาเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ในวันที่ 1 ต.ค. 2565 โดยสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ได้จัดกิจกรรมในวันนี้ขึ้น เพื่อแสดงความขอบคุณและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และจิตอาสา ที่ได้อุทิศตนปฏิบัติหน้าที่จวบจนเสร็จสิ้นภารกิจในครั้งนี้

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ใช้วัคซีนในการควบคุมโรคโควิด-19 โดยประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อลดการติดเชื้อและการระบาดที่ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ค่อนข้างรุนแรง และมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้

หลังจากนั้นกระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข จึงได้หารือร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับวัคซีนคุณภาพอย่างทั่วถึง จนเกิดเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อขึ้นในที่สุด เพื่อรองรับการให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. 2564 เป็นต้นมา โดยจัดสรรพื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร ของสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ปรับเปลี่ยนจากสถานีรถไฟให้เป็นศูนย์กลางการให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน

นอกจากนี้ ยังได้จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และจัดให้มีรถ Shuttle Bus วิ่งวนรับ-ส่งประชาชนที่จะเข้ารับวัคซีนที่ศูนย์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น และเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่พี่น้องประชาชน