ไทยเคาะร่างแผนปฏิบัติการฯ 5 ปี ตั้งเป้าลดปัญหา 'เชื้อดื้อยา' 10% ลดใช้ 'ยาต้านจุลชีพ' ในคน-สัตว์ หนุนประชาชนมีความรอบรู้การใช้ยา
21 พฤศจิกายน 2565
! Font Awesome Pro 6.0.0 by @fontawesome - https://fontawesome.com License - https://fontawesome.com/license (Commercial License) Copyright 2022 Fonticons, Inc.

คกก.นโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการฯ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 2 ตั้งเป้าลดอัตราป่วยจากเชื้อดื้อยาลง 10% มีระบบตรวจสอบการปนเปื้อนเชื้อดื้อยาและการตกค้างในอาหารและสิ่งแวดล้อม รวมถึงระบบเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาด้วยแนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 21 .. 2565 ร่วมกับกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลากหลายภาคส่วน โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ..2566-2570


สำหรับแผนฯ ดังกล่าวยังคง 6 ยุทธศาสตร์สำคัญ ประกอบด้วย 1. การเฝ้าระวังการดื้อยาต้านจุลชีพภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว เพื่อให้ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพแบบบูรณาการ 2. การควบคุมการกระจายยาต้านจุลชีพ เพื่อให้ประเทศไทยมีระบบกำกับและติดตามยาต้านจุลชีพสำหรับมนุษย์และสัตว์ที่ครอบคลุมทุกระดับเพื่อเป็นข้อมูลสถานการณ์หลักของประเทศ


3. การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในสถานพยาบาลและควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในมนุษย์ เพื่อลดการป่วยและเสียชีวิตจากเชื้อดื้อยา 4. การป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพและควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในภาคการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ 5.การส่งเสริมความรอบรู้ด้านเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพและความตระหนักการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมแก่ประชาชน 6. การบริหารและพัฒนากลไกระดับนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านการดื้อยาต้านจุลชีพอย่างยั่งยืน


นายอนุทิน กล่าวว่า การดำเนินงานทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ มีเป้าหมายเพื่อให้สามารถลดอัตราการป่วยจากเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในมนุษย์ลง 10%, ลดความเสี่ยงการดื้อยาต้านจุลชีพในอาหารและสิ่งแวดล้อม โดยมีระบบตรวจสอบการปนเปื้อนของเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพและการตกค้างในอาหารและในสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล, ลดการบริโภคยาต้านจุลชีพสำหรับมนุษย์ลง 30% และสำหรับสัตว์ลง 50% เมื่อเทียบกับปี 2560


ขณะเดียวกันยังตั้งเป้าให้ประชาชนไม่น้อยกว่า 30% มีความรอบรู้ด้านเชื้อดื้อยาและการใช้ยาต้านจุลชีพ และระบบการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศไทยมีสมรรถนะตามเกณฑ์สากลไม่ต่ำกว่าระดับ 4


ทั้งนี้ จากการประเมินการปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR-JEE) ขององค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 31 .. - 4 .. 2565 ที่ผ่านมา พบว่าระบบการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศไทยมีสมรรถนะที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก โดยมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มจาก 3.0 เป็น 4.2 จากคะแนนเต็ม 5 ซึ่งบรรลุเป้าประสงค์ที่ 5 ของแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย ..2560-2565


นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในส่วนของแผนดังกล่าว ประสบความสำเร็จในการลดปริมาณการบริโภคยาต้านจุลชีพที่ใช้ในมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาต้านแบคทีเรีย ที่ลดลงถึง 24% และลดการบริโภคยาต้านจุลชีพในสัตว์ลงถึง 36% ซึ่งบรรลุเป้าประสงค์ที่ 2 และ 3 ซึ่งกำหนดไว้ที่ 20% และ 30% ตามลำดับ ส่วนสถานการณ์เชื้อดื้อยาพบว่าส่วนใหญ่ยังไม่ลดลง ซึ่งสถานการณ์นี้การแก้ปัญหาในโรงพยาบาลอย่างเดียวคงไม่สำเร็จ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันกับทุกภาคส่วน 


นอกจากนี้ ภายในที่ประชุมยังได้ร่วมกันรับทราบถึงการที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมการประชุม Global High-Level Ministerial Conference on Antimicrobial Resistance (AMR) ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 .. 2565 กรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน ซึ่งข้อสรุปจากการประชุมนี้จะถูกนำไปหารือต่อในเวทีการประชุมระดับสูงเรื่องการดื้อยาต้านจุลชีพระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ในปี 2567