ตัวอย่างความร่วมมือจาก 'พะเยา' ภาครัฐ-วิชาการ จับมือชุมชน แจ้งเกิดผลผลิต 'เกษตรอินทรีย์' ผ่านโมเดลวิสาหกิจเพื่อสังคม
11 กุมภาพันธ์ 2565
! Font Awesome Pro 6.0.0 by @fontawesome - https://fontawesome.com License - https://fontawesome.com/license (Commercial License) Copyright 2022 Fonticons, Inc.

ม.พะเยา-บพท.จับมือชุมชน เดินหน้าปั้นบริษัท "ออร์แกนิคพะเยา" ยกระดับสู่วิสาหกิจเพื่อสังคม ช่วยเพิ่มช่องทางการขาย-แปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้า พร้อมใช้กลไกผู้นำท้องถิ่นสร้างความเข้มแข็งให้ "เกษตรอินทรีย์" จ.พะเยา

ผศ.น.สพ.สมชาติ ธนะ อาจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยพะเยา ในฐานะผู้อำนวยการโครงการวิจัยการพัฒนาเครือข่ายสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดพะเยาสู่การสร้างชุมชนนวัตกรรม เปิดเผยว่า ม.พะเยา ร่วมกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทำการวิจัยเพื่อพัฒนาเกษตรอินทรีย์ จ.พะเยา มาเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

ทั้งนี้ ได้มีการร่วมมือกับชุมชนในการจัดตั้งบริษัท ออร์แกนิคพะเยา วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด (OPSE) ขึ้น เพื่อพัฒนาระบบการจัดการด้านการตลาด ผลผลิตเกษตรอินทรีย์ และสินค้าแปรรูป ให้มีการขับเคลื่อนการตลาดที่เป็นธรรมผ่านบริษัท OPSE พร้อมกับยกระดับห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ของสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนพะเยา โดยเป้าหมายการทำงานของคณะวิจัยในปีนี้ คือการเดินหน้าพัฒนาบริษัท OPSE

สำหรับบริษัท OPSE ได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทขึ้นตั้งแต่ปี 2563 เพื่อรวบรวมสินค้าเกษตรในพื้นที่ จ.พะเยา ไปส่งขายให้กับผู้รับซื้อในจังหวัดอื่นๆ โดยที่ผ่านมาได้เริ่มขายสินค้าจาก จ.พะเยา ให้กับลูกค้าที่มีการสั่งซื้อสินค้าจาก จ.พะเยา เป็นจำนวนมาก เช่น เลมอนฟาร์ม ที่รับซื้อลิ้นจี่ และบริษัท สุขทุกคำ ที่รับซื้อสินค้าเกษตรที่เป็นออร์แกนิก ไปขายต่อให้กับลูกค้าในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล ซึ่งที่ผ่านมาบริษัท OPSE มีรายได้ประมาณ 30,000-40,000 บาทต่อเดือน

ผศ.น.สพ.สมชาติ กล่าวว่า ในส่วนของแผนการพัฒนาต่อไป ได้เริ่มมีการทำการตลาดเพิ่มเติมทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยการตลาดแบบออนไลน์ได้เริ่มมีการจัดตั้งเพจและกลุ่มไลน์ เพื่อขายสินค้าเกษตรอินทรีย์และผักออร์แกนิคใน จ.พะเยา ส่วนการทำการตลาดออฟไลน์ มีการเจรจาพูดคุยกับห้างโมเดิร์นเทรดในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อส่งสินค้าไปจำหน่าย ควบคู่กับการนำสินค้าไปออกบูธแสดงสินค้าของกลุ่มเกษตรกรในจังหวัด จนเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น ผักเคล ถั่วพู วอเตอร์เครส มะเขือเทศราชินี ฟักทองไทย เป็นต้น 

นอกจากการเพิ่มช่องทางการตลาดแล้ว คณะนักวิจัยยังให้ความสำคัญกับการวิจัยทางด้านการแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าและแก้ปัญหาผลผลิตเหลือทิ้ง จำนวน 4 ชุมชมนวัตกรรม ในพื้นที่ 4 ตำบล ได้แก่ กลุ่มอนุรักษ์การผลิตลิ้นจี่คุณภาพห้วยป่ากล้วย อ.แม่ใจ จ.พะเยา ในการบริหารจัดการลิ้นจี่ตกเกรด, ชุมชนนวัตกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากเห็ด โดยฟาร์มเห็ดธนกฤต์ อ.เมือง จ.พะเยา, ชุมชนนวัตกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผงชงดื่ม โดยกลุ่มผลิตผักอินทรีย์ ต.จุน อ.จุน จ.พะเยา และนวัตกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์พืช ผัก สมุนไพรอบแห้ง โดย ห้างหุ้นส่วนจำกัด อโกรโปรเกรส 

"OPSE มีสมาชิกที่เป็นเครือข่ายที่เป็นกลุ่มเกษตรกร ที่อยู่ในสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนพะเยา รวมแล้วประมาณ 200 ราย ซึ่ง ม.พะเยา มาช่วยอบรมสร้างความรู้ทางการตลาดและการจัดทำบัญชีธุรกิจ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในการทำธุรกิจในอนาคต โดยตามแผนของเรา OPSE จะมีความยั่งยืนและสามารถเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องธุรกิจให้กับสมาชิกได้เองต่อไป ภายใน 3 ปี" ผศ.น.สพ.สมชาติ กล่าว

ขณะเดียวกันจะมีการพัฒนาให้ชุมชนเป็นเจ้าของบริษัท OPSE ที่จะดำเนินการในรูปแบบของวิสาหกิจเพื่อสังคม (SE) มีการปันผลให้กับสมาชิกที่ถือหุ้นในสัดส่วน 30:70 คือนำกำไรมาจัดสรรให้สมาชิกที่ถือหุ้นในสัดส่วน 30% ส่วนอีก 70% ใช้เป็นเงินหมุนเวียนและพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้า เช่น การทำแพลตฟอร์มการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ในรูปแบบต่างให้มากขึ้น

ด้าน นายกิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ บพท. กล่าวว่า งานวิจัยดังกล่าวนี้เป็นหนึ่งในนโยบายส่งเสริมการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาท้องถิ่นด้วยความรู้ จากสถาบันการศึกษาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความยั่งยืน

"บพท.ตั้งเป้าหมายว่านอกจากจะให้งานวิจัยเกิดประโยชน์โดยตรงกับชุมชนที่เข้าร่วมแล้ว เขาควรจะได้รับความรู้พอที่จะเดินต่อไปได้ ตลอดจนมีการสร้างกลไกภาคีในท้องถิ่นจากทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะเข้ามาร่วมมือ จนกลายเป็นตัวอย่างกระบวนการบริหารท้องถิ่นที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายกิตติ กล่าว