แถลงที่ประชุม 'สมัชชาอนามัยโลก' 4 ปัจจัย 'ระบบสุขภาพไทย' เข้มแข็ง บริการสาธารณสุขมูลฐานที่ครอบคลุม พร้อมการมีส่วนร่วมทางสังคม-ชุมชน
24 พฤษภาคม 2566
! Font Awesome Pro 6.0.0 by @fontawesome - https://fontawesome.com License - https://fontawesome.com/license (Commercial License) Copyright 2022 Fonticons, Inc.

รมว.สาธารณสุข แถลงต่อที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก ระบุการให้บริการด้านสาธารณสุขมูลฐานที่มีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกพื้นที่ ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปัจจัยทางสังคมและการค้า และการมีส่วนร่วมทางสังคมและชุมชน เป็น 4 ปัจจัยสำคัญที่ช่วยประเทศไทยมีระบบสุขภาพที่เข้มแข็ง


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 76 และกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมภายใต้หัวข้อ “ครบรอบ 75 ปี องค์การอนามัยโลก: การให้ชีวิตที่ดีต้องร่วมกันขับเคลื่อนสุขภาพดีถ้วนหน้า” (WHO at 75 : Saving lives, driving health for all) เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2566 ที่ Palais des Nations นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส 

นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยมี 4 ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีและบรรลุการมีสุขภาพดีถ้วนหน้า ได้แก่ 1. การให้บริการด้านสาธารณสุขมูลฐานที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกพื้นที่ 100% โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบสุขภาพระดับอำเภอและระบบการส่งต่อผู้ป่วย ทำให้มีการให้บริการสาธารณสุขแบบบูรณาการ ตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การเฝ้าระวัง การรักษา การฟื้นฟู และการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย



2. หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นปัจจัยหลักในการสร้างความเท่าเทียมการเข้าถึงบริการสุขภาพ ภายใต้แนวทางการดูแลสุขภาพของประชาชนแบบองค์รวม ที่ผู้ให้บริการด้านสุขภาพของ สธ. และหน่วยงานอื่นๆ อาทิ ภาคเอกชนและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกันขับเคลื่อน โดยมีสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) และพันธมิตร ช่วยสนับสนุนเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของการรักษาพยาบาล และมหาวิทยาลัยและ สธ. มีส่วนร่วมในการฝึกอบรมผู้ประกอบวิชาชีพให้มีทั้งความสามารถและจริยธรรม

3. ปัจจัยสังคมและการค้า สธ. เป็นผู้นำร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และพันธมิตรอื่นๆ เช่น ภาคประชาสังคม สนับสนุนการป้องกันโรคไม่ติดต่อ ซึ่งขอยืนหยัดว่าไม่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้า และ 4. การมีส่วนร่วมทางสังคมและชุมชน ทำให้เกิดความยืดหยุ่นของระบบสุขภาพ โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านกว่า 1 ล้านคน เป็นกลไกสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค