ถ้าเราไม่จน ... มีความเป็นอยู่ที่ดี แล้วสิ่งแวดล้อมจะดีขึ้น !!?
3 ธันวาคม 2564
! Font Awesome Pro 6.0.0 by @fontawesome - https://fontawesome.com License - https://fontawesome.com/license (Commercial License) Copyright 2022 Fonticons, Inc.

เรื่อง ฝรั่งแช่อิ่ม


ภาพ https://www.theguardian.com/global-development/2017/jan/23/how-will-we-survive-syrian-refugees-trapped-in-poverty-in-thailand


จากรายงานเรื่อง What worries the world? หรือ โลกเรากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ จัดทำโดย Ipsos บริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำจากฝรั่งเศษ ระบุว่า ประชากรโลกยังคงวิตกกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามมาด้วยการตกงานและความยากจน

แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่ไม่เคยหลุดโผและติด ๑๐ อันดับสูงสุดของโลก และยังเป็นกระแสมา ๕ ปี นั่นคือเรื่อง “การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหรือสิ่งแวดล้อม” โดยกลุ่มประเทศที่กังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมากจะมาจากทางฝั่งทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ เช่น เยอรมนี เบลเยี่ยม แคนาดา และออสเตรเลีย

หนึ่งในทางออกของเรื่องนี้ที่เริ่มมีการกล่าวถึง และดูเหมือนเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก ๒ ตัว นั่นคือ แก้ไขความยากจนให้ความเป็นอยู่ที่ดี แล้วสิ่งแวดล้อมจะดีขึ้น

--- ความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ได้ทำให้โลกร้อนขึ้นมากนัก ---

หลายคนอาจเคยตั้งคำถามว่าการแก้ไขความยากจน เช่น การลงทุนสร้างที่บ้านที่เหมาะสม โครงสร้างคมนาคมพื้นฐานที่สมบูรณ์จะทำให้ใช้พลังงานมากขึ้นแล้วโลกจะร้อนขึ้นหรือไม่ แต่รายงานล่าสุดที่เกี่ยวกับ Decent living standards (DLS) หรือการสร้างให้มีมาตรฐานการอยู่อาศัยที่ดี ระบุว่า หากประชากรโลกมีความเป็นอยู่ที่ดี มีสภาพบ้านเรือนที่เหมาะสม มีเครื่องเรือนที่มีคุณภาพ มีระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบคมนาคมที่ดีขึ้น ได้รับประทานอาหารที่ดี เข้าถึงโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลอย่างเหมาสม จะทำให้การใช้พลังงานต่อหัวลดลงและเห็นได้ชัดในประเทศแถบอเมริกาและยุโรป

--- กำจัดความยากจน สิ่งแวดล้อมก็จะดีตาม ---

ปัจจุบันพบว่ากลุ่มประเทศแถบแอฟริกาใต้ สะฮารา และเอเชีย ยังมีคุณภาพความเป็นอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานการอยู่อาศัยที่ดี (DLS) และยังเป็นกลุ่มประเทศที่พบปัญหาความยากจน

นอกจากนี้ยังมีการคำนวณว่า ถ้าโลกของเราลงทุนด้านการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีไปอีกเกือบ ๒๐ ปีข้างหน้า (พ.ศ. ๒๕๘๓) เรายังใช้พลังงานน้อยกว่าเกือบ ๓ เท่า เมื่อเทียบกับการลงทุนก่อสร้างตึกเพื่อธุรกิจ โรงงาน หรือลงทุนด้านธรุกิจเพียงไม่กี่ปี

สอดคล้องกับข้อมูลจาก โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP ที่ระบุว่า พลังงานสกปรกคือบ่อเกิดของความยากจน และถ้าเราลงทุนในพลังงานสะอาด ทำให้พลังงานสะอาดราคาถูก เข้าถึงง่าย จะทำให้เกิดการจ้างงานให้กับคนทั่วโลกได้ถึง ๒๔ ล้านงาน ภายในอีกเกือบ ๑๐ ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการจ้างงานในพื้นที่ชนบท

นั่นหมายความว่าหลายล้านคนจะได้ทำงานที่ไม่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อม และดีต่อคุณภาพชีวิต

สำหรับประเทศไทยเราเอง ได้ใช้กระบวนการสมัชชาสุขภาพกระตุ้นให้สังคมร่วมแก้ปัญหาสุขภาพไปพร้อมกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น สมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น เรื่องการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM 2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพ และ สมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ ๑๔ ที่ชวนกันพลิกวิกฤตจากปัญหาขยะจากการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ให้เป็นการโอกาสแก้ไขภาพใหญ่ที่ระบบกำจัดของเสีย และกระตุ้นการคัดแยกขยะ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและทำให้สิ่งแวดล้อมดีตามไปในอนาคตอีกด้วย