
นำร่องระบบบริการปฐมภูมิแนวใหม่ ‘แซนด์บ็อกซ์ คัพ สปลิท’ ที่โคราช นวัตกรรมสุขภาพจากความร่วมมือ เชื่อมโยงท้องถิ่น-เอกชน-ประชาชน13 มิถุนายน 2566
การสานพลังของภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วน เพื่อนำร่องการจัด “ระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิแนวใหม่” กำลังได้รับการศึกษาอย่างจริงจังในพื้นที่ 3 แห่งของ จ.นครราชสีมา ผ่านโมเดล “แซนด์บ็อกซ์ คัพ สปลิท” (Sandbox Cup Split)
โมเดลดังกล่าวได้เลือกเอาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 3 แห่ง ที่ถ่ายโอนภารกิจมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา ประกอบด้วย 1. รพ.สต.โคกไม้ตาย ในพื้นที่ ต.สระตะเคียน อ.เสิงสาง 2. รพ.สต.ตลาดแค ในพื้นที่ ต.ตลาดแค อ.โนนสูง และ 3. รพ.สต.โตนด ในพื้นที่ ต.หนองระเวียง อ.เมือง
สำหรับ รพ.สต. ทั้ง 3 แห่งนี้จะนำร่องในการสร้างพื้นที่และจัดความสัมพันธ์ “แนวใหม่” ที่เชื่อมโยงกันเพื่ออภิบาลระบบสุขภาพท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายคือการสร้างระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิที่รับผิดชอบโดย รพ.สต. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และตรงกับความต้องการของชุมชน
นวัตกรรมเครือข่ายสุขภาพ เชื่อมโยงความร่วมมือ
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา กรรมการสุขภาพแห่งชาติ เขตพื้นที่ 9 ในฐานะผู้ร่วมทำหน้าที่ประสานและขับเคลื่อนเรื่องนี้ ขยายความถึงการจัดระบบบริการสุขภาพแนวใหม่ในโมเดล แซนด์บ็อกซ์ คัพ สปลิท ว่าจะเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่ให้ อปท. ได้มีบทบาทในการบริหารจัดการระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ และการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคให้กับประชาชน
ทั้งนี้ จะให้หน่วยบริการประจำที่ไม่ใช่โรงพยาบาลชุมชน แต่เป็นในส่วนคลินิกภาคเอกชน หรือ รพ.สต. ของภาครัฐ ได้จับกลุ่มและตั้งหน่วยบริการที่เชื่อมโยงกันขึ้นมา ซึ่งตรงตามเงื่อนไขคุณภาพ มาตรฐานการบริการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
การดำเนินในรูปแบบดังกล่าว จะส่งผลให้ประชาชนผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ได้เข้ารับบริการสุขภาพปฐมภูมิ เช่น รับยาที่ร้านยา หรือทำทันตกรรมในคลินิกต่างๆ ที่เข้าร่วมได้ ผ่านการประสานเชื่อมโยงระหว่างหน่วยบริการ ซึ่งจะช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลจังหวัดได้
ขณะเดียวกันยังเป็นการเปิดช่องทางเพิ่มเติม ในการเข้ารับบริการสุขภาพของประชาชน ที่ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลเหมือนเดิม โดยที่หน่วยบริการเองก็ยังจะได้สามารถเบิกจ่ายค่าบริการกับ สปสช. ที่ตรงตามเงื่อนไข และเป็นข้อตกลงร่วมกัน
นพ.ศักดิชัย ระบุว่า ในส่วนบทบาทของกรรมการสุขภาพแห่งชาติระดับพื้นที่ จะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการตั้งกลไกคณะกรรมการสุขภาพระดับพื้นที่ (กสพ.) เพื่อให้เกิดร่วมมือกันเป็นกลุ่มก้อนของหน่วยบริการประจำ ในการเข้ามาดูแลด้านสุขภาพให้กับประชากรในพื้นที่ร่วมกัน เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด
ภาพรวมทั้งหมดจึงเป็นการยกระดับบทบาทของท้องถิ่น ให้เข้ามามีส่วนในการบริหารจัดการระบบสุขภาพสำหรับประชาชนมากขึ้น หลังการถ่ายโอน รพ.สต. มายัง อบจ.
“เรียกว่าเอาทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ อย่างเช่น คลินิกภาคเอกชน รพ.สต. ของภาครัฐและท้องถิ่น ให้พวกเขามาเข้าร่วมกันจัดระบบบริการสุขภาพ ที่ตรงกับบริบทของพื้นที่ และมีความเหมาะสมกับประชากร” นพ.ศักดิ์ชัย อธิบาย
กรรมการสุขภาพแห่งชาติรายนี้ ยังให้ภาพถึงความสำคัญในการทำงานของ กสพ. ว่าจะเป็นกลไกที่ขับเคลื่อนระบบสุขภาพในแต่ละจังหวัด เพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพของท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นการรวมกลุ่มกันของภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อหาคำตอบร่วมกันว่ารูปแบบบริการสุขภาพแบบใดที่เหมาะสมกับพื้นที่และประชาชน
กำหนดรูปแบบบริการ บนความต้องการของพื้นที่
นพ.ปรีดา แต้อารักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ให้ข้อมูลเสริมถึงบทบาทของ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ที่ได้นำศูนย์วิชาการสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อเสริมพลังพลเมืองตื่นรู้ (ศสพ.) เข้าไปร่วมสนับสนุนการขับเคลื่อน
นพ.ปรีดา ระบุว่า รูปแบบการบริหารจัดการสุขภาพนั้นมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะไม่มีรูปแบบที่จำเพาะจาะจง เนื่องจากปัจจัยในพื้นที่มีความหลากหลาย ทั้งความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนในชุมชน หรือปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่จำเป็นต้องส่งเสริมป้องกัน
อย่างไรก็ตาม แกนหลักคือการให้พื้นที่ได้ขับเคลื่อนร่วมกันในเชิงนโยบาย และให้สามารถนำไปสู่การทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายของแต่ละพื้นที่อย่างเป็นระบบได้
ขณะเดียวกัน การบริหารจัดการเชิงระบบของการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิสำหรับท้องถิ่น จะต้องเชื่อมร้อยกับเงื่อนไข หรือแนวทางการจัดบริการสุขภาพของ สปสช. ที่ดูแลประชาชนสิทธิบัตรทองทั่วประเทศด้วยเช่นกัน เพราะจะมีระบบในการเบิกจ่ายค่าบริการ และมาตรฐานการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ
“การสนับสนุนให้เกิดการสานพลังของภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จะช่วยทำให้เกิดการยกระดับการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิในแต่ละชุมชน และตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านสุขภาพให้กับ รพ.สต. ที่ดูแลโดยท้องถิ่นให้เป็นแนวทางเดียวกันกับยุทธศาสตร์ หรือในเชิงนโยบายด้านสุขภาพในระดับจังหวัด ซึ่งจะส่งผลให้สุขภาวะของประชาชนในพื้นที่ได้รับการยกระดับอย่างทั่วถึง” นพ.ปรีดา สรุปภาพรวม