
การขับเคลื่อน สุขภาวะระยะท้าย ในช่วงบั้นปลายชีวิตของ 'พระสงฆ์' ข้อเสนอการดูแลก่อนมรณะภาพ ให้จากอย่างสงบ-ตามหลักธรรมวินัย16 มิถุนายน 2566
เกิดแก่เจ็บตายถือเป็นสัจธรรมที่เกิดขึ้นอย่างแน่แท้ของความเป็นมนุษย์ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม สุขภาวะระยะท้ายของชีวิตและการตายดีในพระสงฆ์นับเป็นประเด็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันเป็นสังคมสูงวัยมีพระสงฆ์ที่ชราภาพเพิ่มมากขึ้น มีพระสงฆ์เป็นจำนวนมากที่ประสงค์จะมรณะภาพขณะยังเป็นพระสงฆ์
แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากปัจจุบันวัดยังไม่มีศักยภาพในการดูแลพระสงฆ์ที่ชราภาพและต้องการมรณะภาพขณะยังเป็นพระสงฆ์ เมื่อถึงวัยชราภาพพระสงฆ์มีทางเลือก 2 ทาง คือ 1. สึกออกไปจากวัดและกลับบ้านไปให้ญาติดูแล 2. หากในวัดมีผู้ดูแลก็สามารถมรณภาพในเพศบรรพชิตได้
เมื่อสถานการณ์ในวัดเป็นเช่นนี้ จึงจำเป็นจะต้องมีการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาวะในระยะท้ายของชีวิตและการตายดีในพระสงฆ์ขึ้นเพื่อรองรับความท้าทายเหล่านี้
ในประเทศไทยนอกจากในโรงพยาบาลที่มีการก่อตั้งหออภิบาลพระสงฆ์อาพาธหรือสถานที่ดูแลพระสงฆ์อาพาธที่อยู่ในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต ยังมีมีวัดหรือการดำเนินการของคณะสงฆ์หลายแห่งที่ได้สร้างพื้นที่ต้นแบบสำหรับการดูแลพระสงฆ์ที่อาพาธและอยู่ในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต โดยวัดเหล่านี้จะมีการดูแลพระป่วยอาพาธ โดยพระสงฆ์และทีมจิตอาสา ตลอดจนบุคลากรด้านสุขภาพในพื้นที่
ตัวอย่างเช่น สันติภาวัน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี สำนักสงฆ์ป่ามะขาม ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วัดป่าโนนสะอาด (ศูนย์พุทธวิธีดูแลพระสงฆ์อาพาธและผู้ป่วยระยะสุดท้าย) ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา วัดทับคล้อ (สวนพระโพธิสัตว์) ต.ทับคล้อ อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร วัดท่าประชุม อ.เมือง จ.ขอนแก่น
วัดวัดบุญนารอบ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้พัฒนาโมเดล Temple Ward ดำเนินการโดยไม่ใช้งบประมาณของภาครัฐแต่มาจากการทำบุญของประชาชน ที่ได้มีการบริจาคสิ่งของอุปกรณ์ที่จำเป็นที่ต้องใช้ในการดูแลพระสงฆ์
หากต้องการพัฒนาระบบการสร้างเสริมสุขภาวะในระยะท้ายของชีวิตและการตายดีในพระสงฆ์ให้ยั่งยืน ควรจะต้องทำเรื่องนี้ให้เป็นนโยบายของคณะสงฆ์ โดยมหาเถรสมาคมควรมีนโยบายให้หนึ่งจังหวัดในประเทศไทยมีวัดหรือสถานที่สำหรับดูแลพระสงฆ์อาพาธระยะท้ายของชีวิตอย่างน้อยหนึ่งแห่งเพื่อให้พระสงฆ์อาพาธในจังหวัดนั้นที่ต้องการมรณะภาพในเพศบรรพชิตได้รับการดูแลระยะสุดท้ายของชีวิตตามหลักธรรมวินัยและมรณะภาพในเพศบรรพิชตสมดังเจตนาของตนเอง ซึ่งถ้ามีระบบเช่นนนี้ทั่วประเทศจะทำให้เกิดแนวทางการดูแลพระสงฆ์ระยะท้ายที่มีคุณภาพ ถูกต้องตามหลักธรรมวินัยเพื่อสร้างเสริมสุขภาวะในระยะท้ายของชีวิตและการมรณะภาพที่สงบให้แก่พระสงฆ์ทั่วประเทศ
------------------------------
หมายเหตุ: เผยแพร่ครั้งแรกในนิตยสาร "สานพลัง" ฉบับเดือนมิถุนายน 2566