กสม.-ภาคีด้านสิทธิเห็นพ้อง ทบทวนการออก 'ใบรับรองแพทย์' ลดเปิดเผยข้อมูลผู้ติดเชื้อเอชไอวี ชี้เกินความจำเป็นกับการใช้งาน
3 มีนาคม 2565
! Font Awesome Pro 6.0.0 by @fontawesome - https://fontawesome.com License - https://fontawesome.com/license (Commercial License) Copyright 2022 Fonticons, Inc.

เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2565 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จัดแถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ครั้งที่ 8/2565 โดยมีวาระสำคัญหนึ่งคือ การหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อ เอชไอวี จากกรณีการออกใบรับรองแพทย์ที่เปิดเผยข้อมูลสุขภาพเกินความจำเป็น

ทั้งนี้ กสม.และภาคีเครือข่ายที่ทำงานเพื่อสิทธิของผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ เห็นพ้องกันว่า การออก "ใบรับรองแพทย์" ที่เปิดเผยข้อมูลสุขภาพของผู้ติดเชื้อเอชไอวีเกินความจำเป็น และไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้ ควรได้รับการทบทวนแก้ไขในรายละเอียดในเชิงนโยบายหรือระเบียบข้อบังคับต่างๆ ทั้งในส่วนเหตุผลความจำเป็นของข้อมูลและการให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลที่มิใช่ภาวะจำยอมด้วย

สำหรับวาระนี้ มีที่มาภายหลังจากเมื่อวันที่ 2 มี.ค. น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธาน กสม. และ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กสม. ได้หารือร่วมกับภาคีเครือข่ายที่ทำงานเพื่อสิทธิของผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ นำโดย น.ส.สุภัทรา นาคะผิว ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ ถึงแนวทางการคุ้มครองสิทธิของผู้ติดเชื้อเอชไอวี

ในการหารือดังกล่าว ได้มีการพูดคุยในประเด็นสืบเนื่องจากกรณีที่ปรากฏข่าวเมื่อช่วงกลางเดือน ก.พ. 2565 ว่าโรงเรียนสอนขับรถยนต์แห่งหนึ่งปฏิเสธการสอนให้กับผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายหนึ่ง แม้ว่าจะจ่ายเงินค่าเล่าเรียนแล้ว เนื่องจากใบรับรองแพทย์ระบุว่าเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งกรณีนี้ได้สะท้อนให้เห็นปัญหาการรับรู้และความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ ที่นำไปสู่การตีตราและการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ติดเชื้อ

ในส่วนของข้อเท็จจริงนั้น เอชไอวี (HIV) เป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่สามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ และเลือด ปัจจุบันมียารักษาที่ได้ผลเป็นอย่างดี ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถดำรงชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไปและไม่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ นอกจากนี้แม้ผู้ติดเชื้อจะเข้าสู่ระยะของโรคเอดส์ แต่ก็มิใช่โรคติดต่ออันตราย ถือเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 เท่านั้น 

ที่ประชุมเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ได้เห็นว่า แม้สถานการณ์ความรุนแรงของการติดเชื้อเอชไอวีจะลดลงไปมาก ตามพัฒนาการและความก้าวหน้าในการรักษาโรคทางการแพทย์ แต่การเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวียังคงมีอยู่ และผู้ติดเชื้อยังถูกกีดกันและเข้าไม่ถึงโอกาสในการทำงาน การเข้าศึกษา หรือการได้รับอนุญาตให้ทำการใดการหนึ่งจากหน่วยงานของรัฐ เช่น การขอใบอนุญาตขับขี่ อันมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการออกใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่าเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี

ขณะที่การออกใบรับรองแพทย์เพื่อรับรองภาวะสุขภาพทั่วไป ที่ใช้ประกอบการขออนุญาตหรือประกอบการดำเนินการบางอย่างนั้น ที่ประชุมเห็นว่าควรรับรองภาวะสุขภาพเฉพาะรายการที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของการนำใบรับรองแพทย์ไปใช้เท่านั้น ซึ่งการขอใบอนุญาตขับขี่ การเข้าทำงานในสถานประกอบการส่วนใหญ่ หรือการเข้าศึกษาต่อนั้น ภาวะการติดเชื้อเอชไอวีมิได้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจกรรมดังกล่าว

"การเปิดเผยข้อมูลสุขภาพของผู้ติดเชื้อฯ ในใบรับรองแพทย์ที่ทำให้เกิดการตีตราและเลือกปฏิบัติ จึงถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ติดเชื้อฯ ซึ่งได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562" ความเห็นจากที่ประชุม ระบุ

อนึ่ง กสม. จะรวบรวมข้อคิดเห็น และจัดทำเป็นข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในภาพรวมต่อไป