
มุมมองพัฒนาสุขภาพเชิงพื้นที่ หลังถ่ายโอน 'รพ.สต.' สู่ 'อบจ.' วงถกชี้เป็นโอกาสการมีส่วนร่วม สร้างการเข้าถึงบริการเท่าเทียม7 มีนาคม 2565
สช.ร่วมกับภาคี จัดเวทีเสวนากรณีการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. ให้ อบจ. วงถกเน้นย้ำโอกาสการพัฒนาระบบสุขภาพเชิงพื้นที่ ดึงพลังภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน สร้างการเข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียม
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครสวรรค์, คณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน (กขป.) เขตพื้นที่ 3, สาธารณสุขนครสวรรค์ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 3 ร่วมกันจัดเสวนานโยบายสาธารณะ การพัฒนาระบบสุขภาพเชิงพื้นที่แบบมีส่วนร่วม กรณีการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด เขตพื้นที่
สำหรับเสวนาดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมประชุมจากภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี กำแพงเพชร พิจิตร รวมทั้งภาคีเครือข่ายอื่นๆ ที่สนใจ ทั้งทาง onsite และ online กว่า 200 คน โดยมี นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงโอกาสและทิศทางการพัฒนาระบบสุขภาพเชิงพื้นที่แบบมีส่วนร่วม
พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ นายก อบจ.นครสวรรค์ และประธาน กขป.เขตพื้นที่ 3 เปิดเผยว่า อบจ.นครสวรรค์ ได้วางแผนการบริหารทรัพยากรต่างๆ ให้พร้อมเมื่อ รพ.สต.ถูกโอนถ่ายมาให้ อบจ. บริหารจัดการ เพื่อให้มีโครงสร้างและระบบที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง โดยประสานงานร่วมกับ สช.และภาคีเครือข่าย รวมถึงมีการใช้พลังทางสังคม โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน
"เบื้องต้นได้วางแผนการจัดเตรียมงบประมาณให้เพียงพอต่อการบริหารจัดการ รวมถึงการเตรียมกำลังคนเข้าไปสู่ รพ.สต.ที่แจ้งความประสงค์โอนย้ายในรอบแรกกว่า 101 แห่ง" พล.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าว
นพ.สมเกียรติ ขำนุรักษ์ สาธารณสุขนิเทศเขต 3 กล่าวว่า สิ่งที่ต้องเน้น 2 เรื่องคือ 1. กฎหมายกระทรวง ทบวง กรม ด้านการดูแลสาธารณสุข 2. ระเบียบสำนักนายก การพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญ และ พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ ที่ต้องมีการทำงานอย่างครบวงจร และจายลงพื้นที่อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เรื่องของระบบข้อมูลระดับพื้นที่ และระดับชาติ ก็ยังจะต้องเชื่อมโยงกัน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม
ด้าน นพ.ปรีดา แต้อารักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า พลังของชุมชนที่เห็นเป็นรูปธรรม เช่นบทเรียนของ รพ.สต. และนายก อบต. ที่ทำสำเร็จในเรื่องของการจัดการและการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งหากมองในมุมของภูมิภาคแล้ว จะเห็นได้ชัดถึงตัวอย่างดีๆ ของการจัดการในพื้นที่
"ในส่วนของ สช. จะสนับสนุนในเรื่องขององค์ความรู้ กลไก กระบวนการ และเครื่องมือที่เรียกว่า ธรรมนูญสุขภาพ อันเป็นกระบวนการสำคัญของฉันทมติ หรือข้อตกลงที่ชุมชนได้จัดทำขึ้นในเรื่องของสุขภาวะ เพื่อนำไปเป็นข้อบัญญัติจะทำให้เห็นถึงพลังของชุมชนที่แท้จริง" นพ.ปรีดา กล่าว
นอกจากนี้ภายในเวทีเสวนา ยังได้มีการร่วมแลกเปลี่ยนโดย รศ.ดร.ธัชเฉลิม สุทธิพงษ์ประชา วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มาพูดคุยถึงเรื่องของกฎหมายที่ปรับตามบริบทของโลก All For Health คือต้องมีสุขภาพเป็นเป้าหมายสุดท้าย มุ่งให้เห็นถึงการใช้กฎหมายการถ่ายโอนที่ต้องปฏิบัติตาม และเกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน